การส่งออกทุเรียนถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่สร้างรายได้มหาศาลให้กับประเทศไทยในแต่ละปี โดยเฉพาะทุเรียนพันธุ์หมอนทองซึ่งได้รับความนิยมสูงในตลาดต่างประเทศ เช่น จีน ฮ่องกง ไต้หวัน มาเลเซีย และสิงคโปร์ แต่การส่งออกผลสดมีข้อจำกัดด้านระยะเวลาการเก็บรักษา การขนส่ง และกฎระเบียบด้านสุขอนามัยระหว่างประเทศ การแปรรูปทุเรียนจึงเป็นทางเลือกที่สำคัญในการยืดอายุสินค้า เพิ่มมูลค่า และลดความเสียหายจากผลผลิตล้นตลาดในบางฤดูกาล
การแปรรูปทุเรียนเพื่อการส่งออกสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับความต้องการของตลาดและคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ที่ต้องการ ได้แก่:
ทุเรียนแช่แข็ง (Frozen Durian) ทุเรียนแช่แข็งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในการส่งออก โดยเฉพาะตลาดจีน ซึ่งมักนิยมบริโภคทุเรียนหมอนทองแช่แข็งในรูปแบบเนื้อทุเรียนพร้อมรับประทาน กระบวนการแช่แข็งแบบ IQF (Individual Quick Freezing) ทำให้เนื้อทุเรียนคงสภาพ สี และรสชาติใกล้เคียงของสด อีกทั้งยังสามารถจัดเก็บในระยะยาวได้นานถึง 1-2 ปี หากรักษาอุณหภูมิอย่างเหมาะสม
ทุเรียนอบแห้ง (Freeze-Dried Durian) เป็นการแปรรูปโดยใช้เทคโนโลยีการทำแห้งแบบแช่เยือกแข็งแล้วทำให้แห้งในสุญญากาศ (freeze drying) ส่งผลให้เนื้อทุเรียนกรอบ เบา รักษากลิ่นและรสชาติดั้งเดิมไว้ได้ดี นิยมในตลาดที่ต้องการสินค้าสะดวกพกพา ไม่ต้องแช่เย็น เช่น กลุ่มผู้บริโภคในยุโรป อเมริกา และนักท่องเที่ยวชาวเอเชีย
ทุเรียนทอด (Crispy Durian Chips) ทุเรียนทอดเป็นของว่างที่นิยมในกลุ่มประเทศอาเซียนและนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะทุเรียนพันธุ์ชะนีที่มีเนื้อแน่น หวาน มัน นิยมใช้ในการผลิต ทุเรียนจะถูกหั่นบาง ๆ แล้วนำไปทอดในน้ำมันหรือใช้น้ำมันน้อยแบบ vacuum frying เพื่อให้ได้ความกรอบโดยไม่เสียคุณค่าทางโภชนาการมากนัก
แยมและขนมทุเรียน (Durian Paste & Sweets) ทุเรียนสามารถนำมาทำเป็นแยม ผสมในขนมเบเกอรี เช่น เค้ก พาย หรือไอศกรีม เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า โดยเฉพาะในตลาดญี่ปุ่นและเกาหลีที่นิยมสินค้านวัตกรรมจากผลไม้เขตร้อน
น้ำทุเรียนพร้อมดื่ม / เครื่องดื่มผสมทุเรียน (Durian Juice / Smoothies) การพัฒนาเครื่องดื่มจากทุเรียนเพื่อส่งออกยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่มีแนวโน้มเติบโตสูง โดยเฉพาะกลุ่มสุขภาพที่ต้องการเครื่องดื่มจากผลไม้แท้ 100% การผสมทุเรียนกับผลไม้อื่น เช่น มะม่วง เสาวรส หรือกะทิ ช่วยเพิ่มรสชาติและความหลากหลายให้ตลาดใหม่ ๆ
การแปรรูปทุเรียนให้ได้มาตรฐานส่งออกต้องคำนึงถึงหลายปัจจัย ดังนี้:
การคัดเลือกวัตถุดิบ เลือกทุเรียนพันธุ์ดี คุณภาพสูง สุกพอดี ไม่ช้ำ ไม่แตก และต้องผ่านมาตรฐาน GAP หรือ GMP เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภคและการยอมรับจากต่างประเทศ
การแปรรูปในโรงงานที่ได้มาตรฐาน ต้องใช้โรงงานที่มีระบบสุขอนามัย (HACCP) มีเครื่องจักรที่ทันสมัย เช่น เครื่องแช่แข็ง IQF ห้องปฏิบัติการตรวจสอบสารตกค้าง เครื่องบรรจุสุญญากาศ เป็นต้น
การบรรจุภัณฑ์ (Packaging) ต้องเลือกบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม เช่น ถุงฟอยล์ ถุงสูญญากาศ กล่องกันกระแทก และติดฉลากที่ถูกต้องตามกฎหมายของประเทศผู้นำเข้า เช่น ข้อมูลโภชนาการ แหล่งผลิต วันหมดอายุ และ QR code สำหรับตรวจสอบย้อนกลับ
การขนส่ง (Logistics) ผลิตภัณฑ์แปรรูปโดยเฉพาะแช่แข็งและอบแห้งต้องใช้ระบบขนส่งเย็นที่มีความคงที่ เช่น ตู้คอนเทนเนอร์ควบคุมอุณหภูมิ และบริษัทโลจิสติกส์ที่มีประสบการณ์ส่งออกผลไม้ไทย
เอกสารและการขอใบอนุญาต ผู้ส่งออกต้องเตรียมเอกสาร เช่น ใบรับรองสุขอนามัย ใบรับรองถิ่นกำเนิด (CO) เอกสารศุลกากร และการจดทะเบียนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมศุลกากร กรมวิชาการเกษตร และสำนักงานอาหารและยา (อย.)
ประเทศจีน เป็นตลาดหลักอันดับหนึ่งของทุเรียนไทย ทั้งรูปแบบผลสดและแปรรูป โดยเฉพาะทุเรียนแช่แข็งและอบแห้ง ซึ่งมีความต้องการเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แนะนำให้ผู้ผลิตเจาะตลาดผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น Alibaba, JD.com หรือผ่านตัวแทนนำเข้าในจีน
ประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ ตลาดผู้บริโภคชาวมุสลิมนิยมทุเรียนแปรรูปมากขึ้น โดยเฉพาะในรูปแบบฮาลาล เช่น ทุเรียนทอดและขนมทุเรียน ผู้ผลิตควรมีใบรับรองฮาลาลเพื่อขยายตลาดได้สะดวก
ตลาดยุโรปและอเมริกา เป็นตลาดที่เริ่มเปิดรับทุเรียนแปรรูปมากขึ้น โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์อบแห้งที่มีลักษณะใกล้เคียงของว่างสุขภาพ และต้องเน้นการตลาดเชิงเรื่องราว (storytelling) เช่น ปลูกโดยเกษตรกรยั่งยืน ไม่ใช้สารเคมี
ตลาดตะวันออกกลาง มีศักยภาพสำหรับสินค้าใหม่ เช่น เครื่องดื่มจากทุเรียน หรือขนมแปรรูป ต้องเน้นคุณภาพบรรจุภัณฑ์และรสชาติที่ไม่มีกลิ่นแรงจนเกินไป
กลิ่นทุเรียน เป็นอุปสรรคสำคัญในบางตลาด ควรเลือกแปรรูปในรูปแบบที่ลดกลิ่น เช่น อบแห้ง หรือใช้บรรจุภัณฑ์แน่นหนา
มาตรฐานสินค้าส่งออก ต้องมีความรู้เรื่องกฎระเบียบในแต่ละประเทศ เช่น การใช้สารกันบูด ปริมาณน้ำตาล หรือส่วนประกอบต้องห้าม
การสร้างแบรนด์ ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและมูลค่าสินค้า เช่น "ทุเรียน GI เชียงราย" หรือ "ทุเรียนออร์แกนิกจากชุมพร"
การวิจัยและพัฒนา (R&D) ควรลงทุนพัฒนาเมนูใหม่ ๆ จากทุเรียน เช่น energy bar, ซอสทุเรียน, แผ่นทุเรียนผสมธัญพืช เป็นต้น
การแปรรูปทุเรียนเพื่อการส่งออกเป็นแนวทางที่ช่วยยืดอายุผลิตภัณฑ์ เพิ่มทางเลือกแก่ผู้บริโภค และขยายตลาดทุเรียนไทยสู่สากลได้อย่างยั่งยืน ผู้ประกอบการควรเน้นคุณภาพ มาตรฐาน และนวัตกรรม ควบคู่ไปกับการเข้าใจตลาดเป้าหมายและกฎระเบียบของแต่ละประเทศ การรวมพลังระหว่างเกษตรกร โรงงาน และภาครัฐ จะช่วยผลักดันทุเรียนแปรรูปของไทยให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งในตลาดโลก