การเลือกต้นกล้าให้เหมาะสมกับพื้นที่
เมื่อเราจะเริ่มต้นทำเกษตร ... จะต้องเลือกต้นไม้ให้เหมาะสมกับสภาพดิน เพื่อลดต้นทุนในการจัดการ พูดไปพวกพี่อาจจะนึกไม่ออกใช่ไหม ตัวอย่างเช่น
“ มีเพื่อนอยู่จันทบุรีแล้วปลูกทุเรียนได้กำไรมาก ไอ้เราก็มีที่ดินว่างอยู่ ก็อยากจะปลูกทุเรียนกับเขาบ้าง ...”
ดังนั้นเราจะต้องมาดูเรื่องความเหมาะสมอยู่ 4 อย่าง
1. สภาพดิน ดูว่าสภาพดินของเราเป็นประเภทไหน มีอัตราหน้าดินเท่าไหร่ เป็นดินผสมระหว่างอะไรกับอะไร ... พูดไปอาจจะเข้าใจยาก พี่แบกจอบไปขุดหลุมสักสองสามจุด แล้วดูสภาพดินก็จะรู้ได้ทันทีว่าดินเราเหมาะสมไหม หรือจะดูวัชพืชที่เติบโตในบริเวณที่ดินก็ได้ค่ะ อย่าดูถูกพืชเหล่านี้ ถ้าวัชพืชเติบโตดี หน้าร้อนตัดหญ้าแล้วไม่นานก็งอกเพิ่มอีก หรือใบกล้วยเขียวสดแข็งแรงดี แสดงว่าดินมีแร่ธาตุมาก ไถพรวนดินเล็กน้อย เก็บเศษวัชพืชก็ลงปลูกต้นกล้าได้
ดังนั้นจึงต้องตีโจทย์เรื่องของดิน ต้องตอบให้ได้ก่อนว่าดินของเราเป็นแบบไหน...
2. น้ำ ทำเกษตร ถ้าไม่มีเรื่องการจัดการเตรียมไว้เลยก็เหมือนรอขาดทุน...
ถ้าพี่ไม่ได้มีความคิดว่า ฉันจะปลูกสับปะรด ปลูกอ้อย ปลูกมัน ปลูกยูคาลิปตัสหรือต้นฉ่ำฉา ก็จะต้องคิดเรื่องการจัดการน้ำสำรองเอาไว้
พืชที่ต้องใช้น้ำในการดูแลจัดการ คือตระกูลไม้ผล ทุเรียน ลองกอง มะพร้าวน้ำหอม
พืชที่ใช้น้ำน้อย คือมะม่วง มะพร้าวแกง ปาล์มน้ำมัน แต่มันจะแปรผันตามความชื้นในอากาศด้วยนะคะ
- อย่างเช่นภาคใต้ ปาล์ม ยาง มะพร้าว หมาก ต้นกล้าพวกนี้ไม่จำเป็นจะต้องวางระบบน้ำเพียงแต่ต้องรอต้นหน้าฝนก็เริ่มลงปลูกได้เลย กว่าจะเข้าต้นหน้าร้อนรากก็จะเดินลงดินดีแล้วระดับหนึ่ง เพราะว่าทางใต้อากาศจะเป็นร้อนชื้น ฝนชุก
- ถ้าพื้นที่ปลูกมีฤดูหนาวและแล้งจัด การให้ผลผลิตก็จะช้าลงไป ตัวอย่างเช่น สะตอติดตา โดยปกติพืชตัวนี้จะให้ผลผลิตช่วงสามปีครึ่งในโซนภาคใต้ แต่เมื่อย้ายไปลงปลูกที่กำแพงเพชร ที่กลางวันร้อนจัด กลางคืนหนาว หน้าร้อนและหน้าหนาวมีอัตราส่วนมากกว่าหน้าฝน ก็ทำให้การให้ผลผลิตช้าลงไป แล้วถ้าปลูกแบบฝากเทวดาเลี้ยงอีก คาดว่าปลูกไปห้าปีก็อาจจะยังไม่ออกฝักให้พวกพี่ได้กินกัน
ดังนั้นเรื่องน้ำหาท่อมาสำรองเอาไว้บ้างค่ะ ยามฉุกเฉินตอนที่กล้ายืนต้นตายจะได้ไม่เกิดที่สวนเรา
3. อากาศ ตัวนี้เป็นปัจจัยที่เราควบคุมได้ยากสุด แปรผันกับระดับน้ำทะเลด้วยนะคะ
ปกติแล้วทำเกษตรจะเป็นพืชที่ขนาดใหญ่ ดิน น้ำยังปรุงแต่งจัดการได้ แต่เรื่องของท้องฟ้า อากาศออกจะอยู่เหนือเรื่องที่เราจะควบคุม ถามว่าอากาศจะมีผลอย่างไรต่อต้นกล้า ช่วงต้นเล็ก ๆ ก็จะเห็นไม่ชัด แต่ถ้าอากาศมีการเปลี่ยนแปลงเร็ว อย่างกลางวันร้อนจัด แล้วกลางคืนหนาวจัดถ้าเป็นแบบนี้ พืชไม้ผลระดับกลางจะไม่ค่อยดก ติดผลน้อย ดอกร่วง ลูกเล็ก...
พี่อาจจะอัดปุ๋ย อัดยา เพิ่มเติมได้ แต่ก็จะเป็นการเพิ่มต้นทุนที่ไม่รู้จะจบเมื่อไหร่ ใส่ไปเรื่อย ๆ
4. ตัวเรา ... อันนี้เป็นปัจจัยสำคัญ จริง ๆควรจะอยู่อันดับแรกด้วยซ้ำแต่จะต้องถามตัวเองก่อนว่าเราจะอยู่จุดไหนของวงจรนี้
พืชบางตัวต้องใส่ใจมาก นิสัยจุกจิก ขี้โรค แต่ราคาดี ดังนั้นถ้าเอาไปเลี้ยงดูทิ้งขว้างจะไม่คุ้มทุน ค่าตัวแพง ยังขายไม่ได้ก็ตายเสียแล้ว ถ้าลงกล้าพวกนี้จะต้องเข้าไปดูแลวันเว้นวัน ใบร่วง สตั้นแดด ราใบขอบก็ต้องรีบแก้ ไม่มีปัญญาหายเองต้องกินยาและต้องการอาหารเสริมอยู่ตลอด
พืชบางตัวเจอกันเดือนละครั้งได้ จำพวกหมากสง มะพร้าว ปาล์ม ยาง สามารถเข้าไปดูแลได้เดือนละรอบ ถามว่าช่วงแรกแวะไปดูอะไร ดูว่ามีหนูมากัดต้นไหม มีศัตรูพืชตัวไหนบ้าง ดูว่าพอเปลี่ยนฤดูแล้วต้นกล้าปรับตัวได้หรือเปล่า ต้องช่วยตรงจุดไหนบ้าง
- ถ้าเราเป็นนายทุน มีเงิน ไม่ค่อยมีเวลา ก็ต้องดูว่าความหวังของเราที่ฝากไว้กับลูกน้อง จะเชิดช่วงชัชวาล หรือเปล่า ถึงจะมีลูกน้องพี่ก็ต้องเข้าไปดูแลบ้าง ใส่ปุ๋ยปีละสองครั้งยังไงก็ต้องแวะไป
ค่อย ๆ วางแผนและตัดสินใจ คำนวณทุกอย่างออกมาให้เห็นภาพ แล้วค่อยควักตังส์ออกมาลงทุน อย่างที่พัทเคยบอกไปก่อนหน้าว่าทำเกษตรจะใจร้อนไม่ได้ เราไม่สามารถปลูกทุเรียนวันนี้แล้วพรุ่งนี้ติดผล ดังนั้นเงินของเราที่ลงทุนจะต้องวางแผนให้ดี
กราบทุกท่านที่เข้ามาอ่านเรื่องเรื่อยเปื่อย...ครั้งนี้
พัท COFFARMFAIR
บทความ KA09052023
#ต้นทุเรียน
#ต้นหมากสง
#ต้นมะม่วงเบา