ต้นโกโก้...พืชตามกระแสในรอบ 2-3 ปีที่ผ่านมา ตอนที่เขียนบทความนี้คือปี 2563 ทางแปลงเพาะของเราเริ่มเพาะกล้าโกโก้ส่งโครงการตั้งแต่ปี 2561 ดังนั้นต้นโกโก้ที่ส่งเข้าโครงการจะมีบางส่วนที่เริ่มให้ผลผลิตบ้างแล้ว ในส่วนนี้ไม่ใช้ส่วนที่ต้องกังวลเพาะต้นกล้าที่ส่งไปได้ทำสัญญาผูกขาดกับโครงการเอกชนต่าง ๆ เป็นที่เรียบร้อย ถามว่าบทความนี้เหมาะกับใคร นั้นคือ ลูกค้า ชาวสวนทุกท่านที่ลงปลูกโกโก้แบบอิสระ จะต้องเตรียมตัวให้พร้อมเมื่อมีผลผลิตออกมาในชุดแรก
ข้อดีของการปลูกอิสระคือ ... จะได้ต้นกล้าโกโก้ในราคาย่อมเยาว์ เฉลี่ยที่ 15-20 บาท
1 ไร่ในระยะ 4*4 เมตรใช้อยู่ที่ 100 ต้น เงินลงทุนต่อไร่ขั้นต่ำประมาณ 2000 บาท ในราคาประมาณนี้คือ ชาวสวนเกษตกรสามารถจับต้องได้ แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้น พัทอยากให้ทุกคนกลับมาลำดับความคิดกันใหม่ เมื่อเราปลูกกล้าใด ๆ ก็ตามสิ่งที่ต้องคำนึงถึงก่อนเสมอ คำนึงอยู่ตลอดคือ การตลาด พวกพี่จะต้องตอบให้ได้ว่า มีผลแล้วจะขายที่ไหน อย่างต้นโกโก้นี้ไม่ใช่พืชที่เก็บแล้วนำไปขายในตลาดได้เลย มันจะต้องผ่านกระบวนการจึงจะขายได้ราคา ดังนั้นเรื่องตลาดของต้นกล้าชนิดนี้จึงสำคัญมาก
กลไกการตลาดเรื่องราคา
เมล็ดแห้งโกโก้ และ เมล็ดแห้งกาแฟ เป็นพืชที่มีราคาอ้างอิงในตลาดโลกขึ้นลงอยู่ตลอด ดังนั้นหากเราอยากรู้ราคาจริง ๆว่าเท่าไหร่ก็ลองเปรียบเทียบกับราคากลางดู ปัญหาของเรื่องนี้คือ ตอนนี้มีพ่อค้าคนกลาง โครงการส่งเสริม นำเรื่องราคารับซื้อมาเป็นประเด็น
ตัวอย่างเช่น ประกันราคารับซื้อคืนผลสดที่ 20/กิโล นั้นเท่ากับต้นทุนไม่รวมค่าแรงเมล็ดแห้งจะอยู่ที่กิโลละ 180-200 บาท แต่ราคาเมล็ดแห้งในตลาดโลกตอนนี้อยู่ที่ 80-150บาทเท่านั้น ... ดังนั้น พัทจะเรียกจุดนี้ว่า “ความผันผวน” เมื่อเราลงทุนจึงมีความเสี่ยง จากจุดนี้ไม่ได้หมายความว่าเข้าโครงการปลูกกับโครงการแล้วจะปลอดภัยนะคะ จงเลือกโครงการที่ดี มั่นคง ดูแลเราได้ถึงจะคุ้มที่จะลงทุน
เตรียมตัวให้ดี...เมื่อก้าวสู่การปลูกโกโก้แบบอิสระ
1. ต้องดูแลใส่ใจต้นกล้าอยู่เสมอ เพราะเราปลูกแบบอิสระจึงไม่มีใครคอยย้ำเตือนเรื่องการปลูก ปุ๋ยยา อัตราให้น้ำ การปรับดิน เรื่องพวกนี้สำคัญนะคะจะต้องมีวินัยในตัวเองให้มาก
2. เมื่อกล้าลงดินได้ 18 เดือนและแตกปางห้าแล้ว จะต้องตัดแต่งกิ่งเพื่อเตรียมตัวสำหรับการติดผล จะต้องไม่รก แสงส่องถึงในอัตรา 70%
3. ให้ปุ๋ยเสริมดอกและผลเมื่ออายุต้นกล้าย่างเข้า 20 เดือน
4. รวบรวมรายชื่อพ่อค้าคนกลางที่รับซื้อผลสด และโทรคุยสอบถามอยู่ตลอด
5. ศึกษาวิธีหมักและทำเมล็ดแห้งเพื่อเพิ่มมูลค่าผลผลิต
6. หาช่องทางวิธีขายส่งตรงถึงผู้บริโภค ถ้าเราได้เมล็ดสายพันธุ์ดี มีการให้น้ำและบำรุงอยู่เสมอ เม็ดจะสมบูรณ์และใหญ่ บ่มแล้วจะได้เมล็ดแห้งที่มีคุณภาพ เมื่อเราคัดเกรดก็สามารถเสนอขายกับลูกค้าได้โดยตรง ตัวอย่างเช่น Coffee Shop, Cocoa Maker หรือ Cafe ต่าง ๆ
เหนือสิ่งอื่นใดจะต้องรู้ว่าเป้าหมายของตัวเองว่าต้องการอยู่ตรงไหนในวงจรนี้...ต้องการขายผลสด ต้องการขายเมล็ดแห้ง ต้องการแปรรูปแบบ Home used หรือทำเพื่อส่งออก เมื่อเราได้เป้าหมายแล้วก็มองลู่ทางเพื่อพุ่งชน
อย่าท้อ มันไม่มีอะไรได้มาง่าย ๆ หรอกค่ะ ทำเกษตรต้องใจเย็น วางแผนให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ .............. นอกเหนือจากนี้ท่านใดสงสัยตรงจุดไหนก็สอบถามเพิ่มเติมเข้ามาได้ตลอด หลัง 2 ทุ่มไปจะคุยกันได้นานหน่อย เรื่องต้นไม้ เรื่องโกโก้ กาแฟ ป่าผสม สงสัยก็ทักทายกันได้ตลอดค่ะ มีเรื่องดี ๆ จะกลับมาเล่าให้ฟังอีกในครั้งหน้า
รักทุกคนคะ
เรียบเรียง : พัท – COFFARMFAIR
บทความที่1 : 01/12/2563