บทความดีๆ อันนี้พัทเก็บเอาใว้อ่านนะคะ ท่านใดสนใจบทความดีๆ อีกมากมาย ของคุณศักดิ์ดา แวะไปอ่านกันได้ที่ เฟสบุ๊คเพจ มีเยอะเลยคะ ชอบแบบไหนก็เลือกเอา
ทำไมรัฐบาลเวียดนามจึงส่งเสริมการนำเข้าปุ๋ยอินทรีย์อย่างเสรี โดยเฉพาะอย่างยิ่งปุ๋ยอินทรีย์หรืออินทรีย์เคมีขี้ไก่อัดเม็ดจากต่างประเทศ
เหตุผลคือ เป็นเพราะมีคุณภาพมาตรฐานตามที่เกษตรกรต้องการ ไม่มีโซดาไฟ ไม่มีเชื้อราหรือเชื้อโรคติดมาเพราะได้ผ่านการหมักและอบฆ่าเชื้อโรคแล้วตามมาตรฐานการส่งออกและนำเข้าที่เป็นไปตามกติกาสากลที่ทุกประเทศยอมรับ เหมือนดังเช่นสินค้าเกษตรที่เราใช้อุปโภคและบริโภค
แม้ว่าราคาอาจจะดูสูงกว่าปุ๋ยเคมี กระสอบ 25 กก. ราคา400-650 กว่าบาท
เทียบกับปุ๋ยเคมีก็แพงกว่า แต่คุณภาพเหนือกว่ามากมาย คือมีอินทรียวัตถุสูงเกิน 10-60 กว่าเปอร์เซ็นต์ ซึ่งเหมาะกับไม้ผลมากที่สุด มีธาตุอาหารหลัก รอง และเสริมครบทุกชนิด
แม้ว่าธาตุอาหารหลักจะน้อย แต่ก็มีธาตุอาหารองและธาตุอาหารเสริมที่พืชต้องการต่อการเจริญเติบโตอย่างเพียงพอ แต่ธาตุอาหารหลัก NPK ซึ่งมีปริมาณที่น้อย เกษตรกรก็สามารถใช้ปุ๋ยเคมีใส่เพิ่มร่วมตามความต้องการในทุกระยะการเจริญเติบโตของพืชด้วย
#เพราะปุ๋ยที่เหมาะกับพืชที่สุดคือปุ๋ยอิทรียเคมี ปุ๋ยอินทรีย์อย่างเดียวธาตุอาหารหลักไม่เพียงพอต่อความต้องการในการเจริญเติบโต และความต้องการในแต่ระยะของพืช ปุ๋ยเคมีอย่างเดียวมีธาตุอาหารรองและธาตุอาหารเสริมไม่ครบ เพราะไม่สามารถใส่เพิ่มได้จนครบทุกชนิดได้ ไม่มีอินทรียวัตถุ ใช้มากทำให้ดินตาย สิ่งมีชีวิตหรือจุลินทรีย์ในดินตายหมดเพราะดินเป็นกรด(นี่ยังไม่รวมถึงการกระหน่ำใช้สารเคมีกำจัดศัตรูแบบไม่บันยะบันยัง) ดินแข็ง รากพืชไม่สามารถดูดธาตุอาหารและน้ำไปใช้ได้สะดวก เรียกว่ารากพืชมันป่วยเพราะดินเป็นกรดอย่างแรง มันจึงสร้างเกราะป้องกันตัวเองด้วยเคลือบรากเพื่อป้องกันกรด ในเมื่อป้องกันตัวเองโดยการสร้างเกราะเคลือบรากก็จะทำให้ประสิทธิภาพในการดูดธาตุอาหารและน้ำในดินลดลงตามไปด้วย(ดังจะสังเกตเห็นได้ว่ารากพืชจะมีสีเหลืองคล้ำหรือดำ)เมื่อรากพืชกินปุ๋ยจากดินไม่ได้พืชก็ไม่เจริญเติบโตตามที่เราใส่ปุ๋ยเคมีลงไป ร้านค้าจึงมักจะแนะนำให้เกษตรกรต้องใช้ปุ๋ยน้ำหรือธาตุอาหารเสริมทางใบเพิ่มขึ้น ซึ่งเสียเงินเปล่าๆ เหมือนการให้อาหารคนป่วยทางสายยาง มันจะสู้กับการกินทางปากเราได้หรือ โดยธรรมชาติพืชได้ธาตุอาหารเสริมจากน้ำฝนและอากาศอยู่แล้ว เป็นเรื่องของธุรกิจค้าขายปุ๋ยมากกว่าที่จะให้ความรู้ที่ถูกต้องในการใช้ปุ๋ยให้กับเกษตรกร
ยังมีเกษตรกรหรือนักวิชาการจำนวนมากไม่ทราบว่ากระบวนการกินปุ๋ยของรากพืชเพื่อนำไปใช้ในการเจริญเติบโตต้องกระบวนการทำงานของจุลินทรีย์ในดินมาช่วยเปลี่ยนแปลงธาตุอาหารหลักของพืชให้อยู่ในรูปของอะมิโน ที่พืชสามารถนำไปใช้ประประโยชน์ได้ พืชกินไนโตรเจนโดยตรงไม่ได้ ต้องผ่านกระบวนทำงานของจุลินทรีย์หรืสิ่งมีชีวิตในดินย่อยสลายไนโตรเจนให้อยู่ในรูปของกรดอะมิโนหรืออะมิโนโปรตีนที่พืชสามารถดูดกินนำไปใช้ในการเจริญเติบโตได้ เปรียบเสมือนคนเราจะกินข้าวสารไม่ได้ต้องมีหม้อหุงข้าว หุงข้าวสารให้เป็นข้าวสุกเสียก่อน ซึ่งจุลินทรีย์ก็คือหม้อหุงข้าวนั่นเอง ดังนั้นธาตุอาหารก็คือข้าวสาร ซึ่งเราต้องมีทั้งข้าวสารและหม้อหุงข้าวทั้งสองอย่างที่เพียงพอ มีแต่ข้าวสารไม่มีหม้อหุงข้าวก็กินไม่ได้ มีแต่หม้อหุงข้าวแต่ไม่มีข้าวสารก็อด
นี่คือเรือธงของการพัฒนาการผลิตผลไม้ของเวียดนาม ที่เน้นการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ให้มากที่สุดในไม้ผลทุกชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ทุเรียน” เพราะปุ๋ยอินทรีย์จะช่วยให้รสชาติของผลไม้อร่อยหอมหวานดีกว่าปุ๋ยเคมี ดินไม่เสื่อม ตาย พืชที่ปลูกแข็งแรงต้านทานโรคและแมลงได้ดี ลดการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช สามารถทำการผลิตได้แบบยั่งยืน และมีต้นทุนในการผลิตที่ต่ำในระยะยาว
ส่วนเรื่องการนำเข้าปุ๋ยอินทรีย์ของบ้านเราพี่น้องเกษตรกรคงต้องไปถามนโยบายรัฐบาลว่าจะทำเพื่อปกป้องรักษาผลประโยชน์ของเกษตรกรและประเทศชาติในระยะยาว หรือว่าจะปกป้องปุ๋ยเคมีเพื่อประโยชน์ของตัวเองและพรรคพวก
ขอขอบคุณ: เจ้าของภาพประกอบ
ศักดา ศรีนิเวศน์
9/02/2568
